ทำไม “อากาศชื้น” ถึงอันตรายกว่าที่คิด?

ไม่ใช่แค่ “ร้อน” อย่างเดียวที่ทำให้ร่างกายล้มได้… “ความชื้นในอากาศ” ต่างหากที่ทำให้ระบบระบายความร้อนในร่างกายรวน — และอาจถึงตายได้แบบไม่รู้ตัว

เหงื่อ = แอร์ธรรมชาติของมนุษย์

แต่เมื่ออากาศชื้นจัด ร่างกายจะ เหงื่อออกได้ช้าลง
ความร้อนภายในระบายไม่ทัน = อุณหภูมิแกนกลางร่างกาย (core temp) พุ่งสูงจนเป็นอันตราย

ร่างกายเราควรอยู่ที่ประมาณ 98.6°F หรือ 37°C
ถ้าร้อนจัดแล้วเหงื่อระบายไม่ออก = เสี่ยง ลมแดด (Heat Stroke)

"Wet-Bulb Temperature" คืออะไร?

เป็นค่าที่ใช้วัด ความอันตรายของความร้อน + ความชื้น
นักวิทยาศาสตร์พบว่า…

ถ้า “Wet-Bulb Temp” ถึง 35°C (95°F) และสัมผัสนาน 6 ชั่วโมง แม้แต่คนแข็งแรงก็อาจเสียชีวิตได้

ประเทศที่เคยแตะระดับนี้แล้ว เช่น อินเดีย, ตะวันออกกลาง, ชายฝั่งเม็กซิโก-อเมริกา

งานวิจัยล่าสุดยังพบว่า จุดอันตรายจริง ๆ อาจต่ำกว่านั้น แล้วแต่เพศ อายุ โรคประจำตัว และความเคยชินของคนในพื้นที่

แล้วเราควรดูอะไรในแอปพยากรณ์อากาศ?

ให้ดูที่ค่า Heat Index หรือ “Feels Like” (อุณหภูมิที่รู้สึกจริงบนผิวหนัง)

ถ้าอยู่ในช่วง 103°F–124°F (39.4–51°C) = เขตอันตราย

แนวโน้มเกิด “ตะคริวแดด” หรือ “หมดแรงเพราะร้อน” สูงมาก

วิธีเอาตัวรอดจากความชื้นร้อน

อยู่ในห้องแอร์เท่าที่ทำได้
ดื่มน้ำมาก ๆ (แม้ไม่กระหาย)
อาบน้ำเย็น
งดกิจกรรมกลางแจ้ง หรือออกกำลังกายช่วงแดดแรง
ถ้ามีโรคหัวใจ ความดัน หรือเป็นผู้สูงอายุ/เด็กเล็ก = ยิ่งต้องระวัง

อากาศชื้น ทำให้ต้องระวังเร็วกว่า “อากาศแห้ง”
เพราะร่างกายไม่มีเวลาระบายความร้อนให้ทัน

คนละเมือง คนละผล
คนซีแอตเทิล (เมืองอากาศเย็น) จะทนร้อนชื้นได้น้อยกว่าคนแอตแลนตา (เมืองร้อนชื้น)
นี่คือสิ่งที่เรียกว่า “ภูมิคุ้มกันสภาพอากาศ” (Climate Acclimatization)

“ความชื้น” เป็นศัตรูเงียบของร่างกาย
ยิ่งยุคที่โลกร้อนขึ้น อากาศผันผวน

อย่ามองแค่ตัวเลขอุณหภูมิ จงดูว่า “รู้สึกยังไง” แล้วอย่าให้ร่างกายอยู่ในเขตอันตรายนานเกินไป

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Scroll to Top