Uncategorized

Uncategorized

Tandem จับมือ Abbott ดันนวัตกรรม ‘Patch Pump + เซนเซอร์น้ำตาล’ ปฏิวัติวงการเบาหวาน

Tandem Diabetes Care ประกาศความร่วมมือกับ Abbott เพื่อรวมเครื่องปั๊มอินซูลิน t:slim X2 เข้ากับ Freestyle Libre 3 Plus — และในอนาคตกับ Glucose-Ketone Sensor ตัวใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวในปีหน้า  จุดมุ่งหมาย: “ขยายโอกาสการใช้ insulin pump ไปสู่ผู้ป่วยเบาหวานทั้ง T1 และ T2 ที่ยังไม่เคยใช้มาก่อน”— Elizabeth Gasser, Chief Strategy & Product Officer, Tandem อัปเดตฟีเจอร์และทิศทางในอนาคตIntegration ล่าสุด:Freestyle Libre 3 Plus: กำลังอยู่ใน Early Access Launch เตรียมขยายผู้ใช้ครึ่งหลังปี 2025 Glucose-Ketone Sensor: คาดเปิดตัวปีหน้า Patch Pump รุ่นใหม่ Mobi Patch: เวอร์ชันไม่มีสายสำหรับปั๊มรุ่น Mobi (อยู่ระหว่างการทดสอบ design verification) Sigi: Patch pump แบบ tubeless เต็มตัว (จะตามมาในลำดับถัดไป) Gasser ชี้ว่า “Tubeless ไม่จำเป็นต้องยึดติดกับรูปทรงเดิม ๆ”จุดเด่นคือถอดปั๊มได้โดย ไม่เสียอินซูลิน / ใช้งานได้นานกว่า / มีแบตชาร์จซ้ำ ลดขยะอิเล็กทรอนิกส์และมีพลังประมวลผลสูงพอรองรับ AID algorithm ขั้นสูง Fully Closed-Loop Tandem จับมือ University of Virginia Center for Diabetes Technology พัฒนา AID รุ่นถัดไปที่ ไม่ต้องคำนวณหรือกดอินซูลินเองเลย→ ทุกอย่าง “อัตโนมัติเต็มรูปแบบ” การแข่งขันเริ่มดุเดือด — แต่ Gasser มองว่า “สุดท้ายคือเรื่องดีของคนไข้”“มันไม่ใช่ one-size-fits-all… แต่ใครที่ลงทุนเร็ว วิ่งเร็ว เชื่อม ecosystem ได้ไวกว่า ก็ได้เปรียบ

Uncategorized

ทำไม “อากาศชื้น” ถึงอันตรายกว่าที่คิด?

ไม่ใช่แค่ “ร้อน” อย่างเดียวที่ทำให้ร่างกายล้มได้… “ความชื้นในอากาศ” ต่างหากที่ทำให้ระบบระบายความร้อนในร่างกายรวน — และอาจถึงตายได้แบบไม่รู้ตัว เหงื่อ = แอร์ธรรมชาติของมนุษย์ แต่เมื่ออากาศชื้นจัด ร่างกายจะ เหงื่อออกได้ช้าลงความร้อนภายในระบายไม่ทัน = อุณหภูมิแกนกลางร่างกาย (core temp) พุ่งสูงจนเป็นอันตราย ร่างกายเราควรอยู่ที่ประมาณ 98.6°F หรือ 37°Cถ้าร้อนจัดแล้วเหงื่อระบายไม่ออก = เสี่ยง ลมแดด (Heat Stroke) “Wet-Bulb Temperature” คืออะไร? เป็นค่าที่ใช้วัด ความอันตรายของความร้อน + ความชื้นนักวิทยาศาสตร์พบว่า… ถ้า “Wet-Bulb Temp” ถึง 35°C (95°F) และสัมผัสนาน 6 ชั่วโมง แม้แต่คนแข็งแรงก็อาจเสียชีวิตได้ ประเทศที่เคยแตะระดับนี้แล้ว เช่น อินเดีย, ตะวันออกกลาง, ชายฝั่งเม็กซิโก-อเมริกา งานวิจัยล่าสุดยังพบว่า จุดอันตรายจริง ๆ อาจต่ำกว่านั้น แล้วแต่เพศ อายุ โรคประจำตัว และความเคยชินของคนในพื้นที่ แล้วเราควรดูอะไรในแอปพยากรณ์อากาศ? ให้ดูที่ค่า Heat Index หรือ “Feels Like” (อุณหภูมิที่รู้สึกจริงบนผิวหนัง) ถ้าอยู่ในช่วง 103°F–124°F (39.4–51°C) = เขตอันตราย แนวโน้มเกิด “ตะคริวแดด” หรือ “หมดแรงเพราะร้อน” สูงมาก วิธีเอาตัวรอดจากความชื้นร้อน อยู่ในห้องแอร์เท่าที่ทำได้ดื่มน้ำมาก ๆ (แม้ไม่กระหาย)อาบน้ำเย็นงดกิจกรรมกลางแจ้ง หรือออกกำลังกายช่วงแดดแรงถ้ามีโรคหัวใจ ความดัน หรือเป็นผู้สูงอายุ/เด็กเล็ก = ยิ่งต้องระวัง อากาศชื้น ทำให้ต้องระวังเร็วกว่า “อากาศแห้ง”เพราะร่างกายไม่มีเวลาระบายความร้อนให้ทัน คนละเมือง คนละผลคนซีแอตเทิล (เมืองอากาศเย็น) จะทนร้อนชื้นได้น้อยกว่าคนแอตแลนตา (เมืองร้อนชื้น)นี่คือสิ่งที่เรียกว่า “ภูมิคุ้มกันสภาพอากาศ” (Climate Acclimatization) “ความชื้น” เป็นศัตรูเงียบของร่างกายยิ่งยุคที่โลกร้อนขึ้น อากาศผันผวน อย่ามองแค่ตัวเลขอุณหภูมิ จงดูว่า “รู้สึกยังไง” แล้วอย่าให้ร่างกายอยู่ในเขตอันตรายนานเกินไป

Uncategorized

“ปั่นจักรยาน” = เคล็ดลับอายุยืน ที่แพทย์ญี่ปุ่นยืนยัน

คนสูงวัยที่ยังปั่นจักรยานประจำ = มีสุขภาพดีกว่า ไม่ต้องพึ่งพาการดูแลระยะยาวนานงานวิจัยล่าสุดจาก University of Tsukuba ประเทศญี่ปุ่น ศึกษายาว 10 ปี โดยมีผู้ร่วมทดลองอายุเฉลี่ย 74 ปี พบว่า… ผู้สูงวัยที่ปั่นจักรยานเป็นประจำ กล้ามเนื้อขาไม่เสื่อมเร็วมีสมรรถภาพทางสมองและร่างกายที่ดีกว่าลดโอกาสกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงมีความสุขทางอารมณ์มากขึ้น เพราะได้ออกนอกบ้าน พบปะเพื่อนฝูง ดร. Kenji Tsunoda ผู้วิจัยกล่าวว่า “การปั่นจักรยานไม่ใช่แค่การออกกำลังกาย แต่ยังช่วยให้ผู้สูงอายุ ‘เข้าถึงโลก’ ได้มากขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของคุณภาพชีวิต” ปั่น = ไปได้ไกลกว่าเดินผู้สูงวัยที่ขับรถไม่เป็น จะได้ออกจากบ้าน ไปหาคาเฟ่ ร้านอาหาร หรือเพื่อนฝูง ลดอาการ “อยู่บ้านเฉย ๆ จนซึมเศร้า” เป็นกิจกรรมที่ “ทั้งใช้สายตา หู การทรงตัว และกล้ามเนื้อขา” = กระตุ้นสมองด้วย ปั่นเป็นทางไปทำงาน = ยิ่งดีเข้าไปใหญ่งานวิจัยจาก BMJ Public Health ปี 2024 ซึ่งติดตามผู้ใหญ่กว่า 82,000 คนในสกอตแลนด์ เป็นเวลา 18 ปี พบว่า…คนที่ “ปั่นจักรยานไปทำงาน”:เสี่ยงเสียชีวิตก่อนวัยน้อยลง 47%ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ 24%ลดความเสี่ยงตายจากมะเร็ง 51%มีสุขภาพจิตดีกว่า (วัดจากปริมาณยารักษาอาการซึมเศร้าและวิตกกังวลที่ลดลง) ปั่นจักรยาน = กิจกรรมธรรมดาแต่ไม่ธรรมดาเหมาะกับผู้สูงวัยสุด ๆ เพราะช่วยให้ “กล้าออกจากบ้าน”เพิ่มทั้ง สุขภาพกาย, สมอง, ความสุข, และอายุขัย ไปพร้อมกัน

Uncategorized

ย้อนวัยไป 18 ทั้งที่อายุ 47 จริงไหม ?

นี่ไม่ใช่หนังไซไฟ แต่คือชีวิตจริงของ Bryan Johnson มหาเศรษฐีนักเทคโนโลยี ผู้ขายบริษัท Braintree ให้ PayPal ด้วยมูลค่า 800 ล้านดอลลาร์ แล้วใช้ชีวิตที่เหลือทุ่มเทให้กับ “โปรเจกต์ต่อต้านความแก่” ที่เขาเรียกว่า Blueprint เพื่อเปลี่ยนตัวเองให้เป็น “คนที่แข็งแรงที่สุดในโลก” ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ เขาทำยังไง? วิธีใช้ชีวิตแบบ Bryan Johnson 1. วัดสุขภาพระดับเซลล์ (Full-Body Biometrics)วัดมากกว่า 70 ระบบร่างกาย รวมกว่า 1,000 ตัวชี้วัด เช่น ความยืดหยุ่นของเส้นเลือด, ฟังก์ชันตับ, ความหนาแน่นของไมโทคอนเดรีย, ระดับฮอร์โมน ฯลฯตรวจเลือดและ DNA เป็นประจำ พร้อมสแกนสมอง หัวใจ และแม้แต่แบคทีเรียในลำไส้ ผลลัพธ์ล่าสุด:หัวใจเทียบเท่าเด็กอายุ 37 ปีผิวหนังเทียบเท่าเด็กอายุ 28 ปีความจุปอดเหมือนคนอายุ 18 ปีฟิตกว่าคนหนุ่มครึ่งอายุเขา 2. กินเหมือนหุ่นยนต์ แต่เพื่อเป็นมนุษย์เวอร์ชันที่ดีที่สุดกินอาหารที่ “คำนวณแล้ว” ว่าดีที่สุดต่อระบบร่างกายกินเวลาเดิมทุกวัน (time-restricted eating)งดแอลกอฮอล์ คาเฟอีน น้ำตาล และอาหารแปรรูปกินแค่ 1,977 แคลอรี่ต่อวัน พร้อมอาหารเสริมกว่า 100 ชนิด 3. ฝึกกายแบบนักกีฬาโอลิมปิกฝึก Strength training 3–4 ครั้ง/สัปดาห์คาร์ดิโอแบบ HIIT และ steady-stateการยืดเหยียด เพื่อคงความยืดหยุ่นระดับนักบัลเลต์มีการวัด VO₂ max, อัตราการฟื้นตัว, และเปอร์เซ็นต์ไขมันในกล้ามเนื้อ 4. นอนแบบราชาเข้านอนเวลาเดิมทุกคืนใช้เทคโนโลยีควบคุมอุณหภูมิที่นอนวัดคุณภาพการนอนผ่าน EEG และ HRVไม่ใช้มือถือหรือแสงสีฟ้าก่อนนอนเด็ดขาด 5. ดูแลสุขภาพจิต และสมองฝึกสมาธิและหายใจเข้าออกแบบ Biofeedbackตรวจ Brain MRI และสแกนคลื่นสมองมีทีมจิตแพทย์และนักประสาทวิทยาดูแลโดยเฉพาะ วิทยาศาสตร์เบื้องหลังแนวทาง “ย้อนวัย” Bryan Johnson ใช้แนวทางจากงานวิจัยล้ำหน้าที่สุด เช่น Epigenetic Reprogramming: ปรับ DNA เพื่อให้เซลล์กลับมาหนุ่ม Mitochondrial Optimization: เพิ่มพลังงานให้เซลล์ Autophagy Activation: กระตุ้นการรีไซเคิลเซลล์ Senescent Cell Clearance: กำจัด “เซลล์แก่” ออกจากร่างกาย เขาทำทั้งหมดนี้ไม่ใช่เพียงเพื่อตัวเอง แต่เพื่อ “ท้าทายขีดจำกัดของมนุษย์” และสร้างโร้ดแมปใหม่ของการแพทย์เชิงป้องกัน ถ้าเราอยากเริ่มแบบเขา ต้องทำยังไง? วัดสุขภาพให้ละเอียด – เริ่มจากการตรวจเลือด ฮอร์โมน และการนอน ตั้งเป้าการกิน – ลองลดน้ำตาล กินโปรตีนและผักเพิ่ม ขยับร่างกายทุกวัน – แม้แค่ 15 นาที ก็มีผล นอนให้ดี – นอนก่อนเที่ยงคืน สร้างกิจวัตรก่อนนอนที่ผ่อนคลาย เสริมด้วยความรู้ใหม่ๆ – ศึกษาเรื่อง longevity และ biohacking ชีวิตที่แข็งแรงที่สุดในโลก เริ่มจาก “ระบบ” ไม่ใช่แค่ “แรงฮึด” Bryan Johnson ไม่ได้มีสุขภาพดีที่สุดในโลกเพราะโชคช่วย แต่เพราะเขา “ออกแบบชีวิต” เหมือนวิศวกรสร้างยานอวกาศ ทั้งหมดอยู่บนหลักการ วัดผล-ปรับ-วัดซ้ำ และมีเป้าหมายเดียวคือ “ยืดอายุให้ยืนยาวอย่างแข็งแรง และย้อนวัยกลับไปเรื่อยๆ” และในยุคที่เรามีเครื่องมือเทียบเท่านักวิทยาศาสตร์ในห้องแล็บ ทุกคนก็เริ่มต้นแบบเขาได้… แค่วันนี้คุณกล้าลองหรือยัง?

Uncategorized

เมื่อหุ่นยนต์ผ่าตัดขนาดพกพา… เคยขึ้นไปทดลองในอวกาศ แต่วันนี้… มันเตรียมจะลงมาผ่าตัดคนธรรมดาบนโลก

“Mira” หุ่นยนต์ผ่าตัดขนาดเล็กจากบริษัท Virtual Incision เคยเดินทางไปสถานีอวกาศนานาชาติกับ NASAเพื่อพิสูจน์ว่า… มนุษย์สามารถผ่าตัดจากระยะไกลได้จริง แม้จะอยู่คนละโลก ล่าสุด — บริษัทประกาศตั้ง CEO คนใหม่ Jim Alecxih อดีตผู้ผลักดันหุ่น da Vinci ให้ดังทั่วโลก เตรียมนำหุ่น “M2” รุ่นถัดไปเข้าสู่กระบวนการขอ FDA เพื่อใช้ผ่าตัดในวงกว้าง หุ่นยนต์ตัวนี้ ต่างจาก da Vinci ตรงไหน?เล็กพอจะ “พกใส่กระเป๋าเดินทาง” เป็น single-port system (เจาะแค่รูเดียว) ออกแบบให้ใช้ใน “พื้นที่จำกัด” เช่น ห้องฉุกเฉินในเมืองเล็ก เป้าหมาย: ให้หุ่นผ่าตัดขั้นสูง “เข้าถึงได้” โดยไม่ต้องมีงบหลายร้อยล้าน และน่าสนใจกว่านั้น… คนที่เคยขาย da Vinci ให้โรงพยาบาลทั่วอเมริกาตอนนี้ กลับมาเป็นผู้นำบริษัทคู่แข่งโดยตรง ยุคใหม่ของการผ่าตัด อาจไม่ใช่ห้องผ่าตัดล้ำสมัยในโรงพยาบาลใหญ่แต่อาจเป็นหุ่นเล็ก ๆ ที่ถูกส่งขึ้นยาน… หรือมาจอดอยู่ข้างเตียงคุณแม่เราในชุมชน คำถามที่ควรเริ่มถามตั้งแต่วันนี้ เมื่อ “หุ่นยนต์” เข้ามาทำหน้าที่แทนศัลยแพทย์มากขึ้นเรื่อย ๆเราควรไว้ใจมันแค่ไหน?และโรงพยาบาลใดบ้าง… ที่จะเป็นเจ้าแรกในไทยที่กล้าลอง?

Uncategorized

8 ขั้นตอนดูแล สุขภาพกระเพาะเชิงกราน ให้เหมาะกับทุกช่วงวัย

1. เข้าใจ “กระเพาะเชิงกราน” (Pelvic Floor) คืออะไร เป็นเหมือน “แผ่นกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน” ที่รองรับกระเพาะปัสสาวะ ลำไส้ และถุงน้ำคร่ำยังมีบทบาทกับการควบคุมการขับถ่าย การมีเพศสัมพันธ์ และสุขภาพทางเพศ-สืบพันธุ์“หลายคนไม่รู้ว่าตัวเองมีมัน…จนกระทั่งเริ่มมีอาการ” 2. สัญญาณเตือนว่าอาจต้องใส่ใจ ปัสสาวะเล็ดเวลาไอ/หัวเราะเกร็งปัสสาวะหรือถ่ายลำบากมีอาการเจ็บระหว่างมีเพศสัมพันธ์ท้องผูก ปัสสาวะพอตัว หรือมีความรู้สึกหนัก ๆ ในอุ้งเชิงกรานอาการเหล่านี้พบบ่อยหลังคลอดหรือวัยทอง แต่ไม่ควรนิ่งเฉย 3. การ Kegel ไม่ใช่สำหรับทุกคน Kegel ช่วยถ้า “กล้ามเนื้ออ่อน” แต่ถ้าเครียดหรือเกร็งมากเกิน อาจยิ่งแย่อุ้งเชิงกรานที่ตึงเกิน = ยิ่งควรผ่อนคลาย ไม่ใช่ฝึกให้แข็งเพิ่ม 4. “หายใจ” คือกุญแจสำคัญ หายใจลึก (diaphragmatic breathing) ให้ผนังหน้าท้องคลาย เมื่อหายใจออกอุ้งเชิงกรานจะหดแนะนำให้ “หายใจออกตอนออกแรง” เช่น เวลายกของหรือออกกำลังกาย 5. นิสัยเวลาเข้าห้องน้ำก็สำคัญ นั่งเต็มก้น ไม่ยืนเกร็ง → ช่วยให้ผ่อนคลายกล้ามเนื้อพยายามถอนการเกร็งเวลาปัสสาวะใช้เก้าอี้เสริมเวลาถ่าย เพื่อปรับมุมที่ช่วยให้ถ่ายง่ายหายใจออกขณะถ่าย ลดการเกร็งค้างที่อุ้งเชิงกราน 6. ปรับตามอายุ-ภาวะในชีวิต วัยรุ่น–วัยสาว: อาการปวดประจำเดือนหรือการใช้แทมปอนอาจกระตุ้นภาวะตึงเกินตั้งครรภ์–หลังคลอด: กล้ามเนื้อยืดมาก แนะนำทำกายภาพกระเพาะเชิงกรานควบคู่การตรวจหลังคลอดวัยทอง: ฮอร์โมนลด เซลล์ผนังช่องคลอดบางขึ้น แนะนำเสริมครีม estrogen+ออกกำลังเฉพาะกล้ามเนื้อเชิงกราน 7. ต้องเปลี่ยนระบบดูแลทั้งระดับบุคคลและสังคม Reardon ส่งเสริมให้มีการตรวจฟื้นฟูอุ้งเชิงกรานในผู้หญิงตั้งแต่ตั้งครรภ์จนหลังคลอดมองว่า “กายภาพหลังคลอดควรเป็นมาตรฐาน ไม่ใช่ทางเลือก” 8. สรุปสาระใจความ: ดูแลอุ้งเชิงกราน = ดูแลคุณภาพชีวิต ไม่ว่าจะนอนหลับดี ใช้ชีวิตประจำวัน หรือมีความสุขทางเพศการอุ้งเชิงกรานแข็งแรง = คือพื้นฐานที่คุณจะไม่รู้สึกว่าร่างกายคุณ “เสียสมดุล” ในชีวิต

Uncategorized

ตรวจ DNA ทารกแรกเกิดทั่วอังกฤษ: “ก้าวใหม่ของการแพทย์เชิงป้องกัน หรือโลกแห่งการออกแบบมนุษย์?”​

รัฐบาลอังกฤษประกาศแผน “ทะเยอทะยานที่สุดในประวัติศาสตร์” เตรียมตรวจ Whole Genome Sequencing ให้กับ ทารกแรกเกิดทุกคน ภายใน 10 ปี แผนใหญ่ที่เพิ่งเปิดตัวในกลางปี 2025:นำโดย Genomics England ภายใต้กระทรวงสาธารณสุขของอังกฤษ งบประมาณกว่า 650 ล้านปอนด์ (≈ 3 หมื่นล้านบาท) เป้าหมายคือการ ป้องกันโรคเรื้อรังแต่เนิ่น ๆ โดยไม่ต้องรอให้มีอาการ ตรวจอะไร? ได้รู้อะไร? เด็ก 1 คน → ถอดรหัส DNA กว่า 20,000 ยีนแบบละเอียดเพื่อประเมินความเสี่ยงโรค เช่นมะเร็งเต้านม/รังไข่ (BRCA)โรคเมตาบอลิซึมหายากโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงความผิดปกติทางพันธุกรรมที่รักษาได้หากรู้ก่อนและทั้งหมดนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ “วันแรกที่เด็กเกิด” ความหวัง vs. ความกังวล ป้องกันโรคก่อนเกิดอาการ /ความเป็นส่วนตัวของข้อมูล DNAวางแผนสุขภาพเฉพาะบุคคล /ความเหลื่อมล้ำ: ใครจะได้สิทธิ์ก่อน?ลดภาระงบประมาณรักษาโรคเรื้อรัง/ เสี่ยงถูกใช้ข้อมูลไปเพื่อ “เลือกพันธุกรรม แล้วไทยล่ะ? แม้ไทยยังไม่มีแผนระดับนี้ แต่การตรวจ DNA screening ในเด็กแรกเกิด เริ่มเป็นที่สนใจมากขึ้น โดยเฉพาะในภาคเอกชน และในโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำหลายแห่ง คำถามสำคัญคือ… ถ้าเราสามารถ “รู้อนาคตทางสุขภาพของลูกเราได้ตั้งแต่แรกเกิด”เราควรทำไหม?

Uncategorized

7 กีฬาที่ช่วยให้ “อายุยืน ยืดชีวิตคุณได้มากถึง 9 ปี

7 กีฬาที่ช่วยให้ “อายุยืน ยืดชีวิตคุณได้มากถึง 9 ปี งานวิจัยระยะยาว 25 ปีพบว่า…การ “เลือกชนิดกีฬา” อาจช่วยยืดชีวิตคุณได้มากถึง 9 ปีโดยเฉพาะถ้ากีฬาเหล่านั้น “กระตุ้นร่างกาย สมอง และหัวใจในเวลาเดียวกัน”  งานวิจัยนี้มาจากไหน?-โครงการวิจัย The Copenhagen City Heart Study-ตีพิมพ์ใน Mayo Clinic Proceedings (2018)-ศึกษาคนเดนมาร์ก 8,577 คน อายุเฉลี่ย 44 ปี นานกว่า 25 ปี-วัดผลกระทบของกีฬาชนิดต่าง ๆ ต่ออายุขัย-เปรียบเทียบกับกลุ่มที่ไม่ออกกำลังกายเลย อายุขัยเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นตามชนิดกีฬา1.เทนนิส = อายุยืนขึ้นเฉลี่ย 9.7 ปีเพราะต้องคิดเร็ว วิ่งเร็ว เล่นกับคนอื่น → สมองดี หัวใจแกร่ง 2.แบดมินตัน = อายุยืนขึ้น 6.2 ปีเคลื่อนไหวไว เผาผลาญแรง และมีคู่ซ้อมช่วยเติมพลังใจ 3.ฟุตบอล = อายุยืนขึ้น 4.7 ปีวิ่งเป็นทีม เบิร์นทั้งร่าง ได้ความสัมพันธ์ ได้หัวใจแข็งแรง 4.ปั่นจักรยาน = อายุยืนขึ้น 3.7 ปีหัวใจอึด เผาผลาญดี ไม่กระแทกข้อ เล่นได้ยันวัย 70+ 5.ว่ายน้ำ = อายุยืนขึ้น 3.4 ปีฝึกกล้ามเนื้อทุกส่วน น้ำช่วยลดแรงกระแทก ฟื้นฟูร่างได้ดี 6.จ๊อกกิ้ง = อายุยืนขึ้น 3.2 ปีอิสระ วิ่งได้ทุกที่ ช่วยเรื่องระบบเผาผลาญและอารมณ์ 7.คาลิสเธนิกส์ = อายุยืนขึ้น 3.1 ปีใช้แค่น้ำหนักตัว ฝึกความยืดหยุ่น กล้ามเนือแกนกลาง 🔬 ทำไม “เทนนิส” ถึงได้ผลดีที่สุด?High-intensity + Intermittent Movement→ เป็นกีฬาที่ให้แรงกระตุ้นหัวใจสลับเร็ว-ช้า ช่วยเพิ่ม VO₂ max และระบบเผาผลาญ Cognitive Demand สูง→ ต้องประเมินตำแหน่งลูก ความเร็วคู่ต่อสู้ ตัดสินใจเร็ว → ฝึกสมองเหมือน “เกมหมากรุกแบบเคลื่อนไหว” Social Bonding ลึก→ เทนนิสเล่นเป็นคู่ (doubles) มีการพูดคุย วางแผน สื่อสาร = ลดความเครียด + สร้างความสัมพันธ์ เล่นได้จนถึงวัย 60–70 ปี→ หากเลือก court และคู่ซ้อมที่เหมาะกับอายุ/ระดับ → เป็นกิจกรรมระยะยาวที่ยั่งยืน เพิ่มเติมจากงานวิจัยญี่ปุ่น (BMC Public Health, 2019):ผู้ที่ออกกำลังกายกับเพื่อน/ครอบครัวมีแนวโน้ม มีสุขภาพจิตและอายุขัยที่ดีกว่า คนที่ออกกำลังกายคนเดียว ปัจจัย “สังคม” = ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ, ซึมเศร้า, ภูมิคุ้มกันต่ำ ถ้าอยาก “อายุยืนแบบยั่งยืน”อย่าเลือกแค่กีฬาที่เบิร์นแรงที่สุดแต่จงเลือกกีฬาที่ “คุณอยากเล่นทุกสัปดาห์”และ…มีคนที่คุณอยากเล่นด้วย

Uncategorized

ถ้าคุณไม่ลงทุนในการดูแลสุขภาพวันนี้…อีก 10 ปีข้างหน้า คุณอาจต้องจ่ายแพงขึ้นกว่าที่คิด — ทั้งเงิน เวลา และคุณภาพชีวิต

ากงานวิจัยของ American Journal of Preventive Medicine พบว่า 80% ของโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดัน หัวใจ มะเร็งบางชนิด สามารถป้องกันได้ด้วยการ “ดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน” ตั้งแต่อายุยังน้อย แต่รู้ไหมครับว่า…  คนส่วนใหญ่กลับเลือกละเลยสุขภาพในวัยทำงานแล้วพยายามมา “ซ่อมแซม” ในวัย 40-50 ด้วยค่ารักษาที่สูงขึ้นทุกปี คุณกำลังเสียอะไรไป โดยที่ไม่รู้ตัว?ไม่ลงทุนวันนี้-นอนน้อย พักไม่พอ-ไม่ออกกำลังกาย-กินอาหารแปรรูปทุกวัน-ไม่ตรวจสุขภาพเลย สิ่งที่จะต้องจ่ายในอนาคต-เสี่ยงสมองล้า เครียดเรื้อรัง-กล้ามเนื้ออ่อนแรง เร็วกว่าปกติ-เสี่ยงอ้วนลงพุง เบาหวาน ความดัน-เจอโรคร้าย…ตอนสายเกินไป  “ใช้ชีวิตแบบหักโหม” ส่งผลต่อเซลล์ลึกกว่าที่คุณคิดมีงานวิจัยจาก Harvard Medical School พบว่า คนที่มีระดับความเครียดสูงและพักผ่อนน้อย มี “เทโลเมียร์” (ปลายโครโมโซม) สั้นลงเร็วกว่าปกติถึง 50% ซึ่งเทโลเมียร์เกี่ยวข้องกับอายุขัย สุขภาพหัวใจ ภูมิคุ้มกัน และการเสื่อมของอวัยวะในร่างกาย แปลว่า…คุณอาจแก่ก่อนวัย ทั้งที่ยังอายุไม่ถึง 40 ด้วยซ้ำ  แล้วถ้าคุณเริ่มลงทุนตั้งแต่วันนี้ จะได้อะไร?  อายุยืนขึ้นอย่างมีคุณภาพ (Healthy Longevity)  ทำงานได้นานขึ้นโดยไม่ล้า  ไม่ต้องจ่ายค่ารักษาเป็นแสนตอนแก่  มีสมาธิ ความจำ และอารมณ์ดีขึ้น  มีชีวิตที่คุณ “ควบคุมได้” มากขึ้น ไม่ต้องเป็นภาระลูกหลาน  เริ่มต้นง่าย ๆ ได้เลยวันนี้:  นอน 7–8 ชม. ต่อคืน  ขยับร่างกายอย่างน้อยวันละ 30 นาที  เลือกกินอาหารที่มีใยอาหาร ไขมันดี และโปรตีน  เสริมด้วยวิตามินหรือสมุนไพรที่มีงานวิจัยรองรับ (เช่น Ashwagandha, Omega-3, Magnesium)  ตรวจสุขภาพปีละ 1 ครั้ง  สุขภาพคือการลงทุน ไม่ใช่ค่าใช้จ่ายถ้าคุณรอจนมีอาการก่อน แล้วค่อยรักษา — วันนั้น “ร่างกายอาจไม่ให้คุณกู้คืน” ได้เต็ม 100 อีกแล้ว ลงทุนวันละ 50 บาทเพื่อสุขภาพ ดีกว่าต้องจ่าย 500,000 บาทกับโรคในอนาคต

Uncategorized

คอมบูชา” ดื่มตอนไหนได้ประโยชน์ที่สุด ? รู้ไว้ก่อนพลาดจุดพีคของเครื่องดื่มสายเฮลธ์ตัวนี้

ในปี 2025 นี้ คอมบูชา (Kombucha) ไม่ใช่แค่ชาเปรี้ยวสุดฮิป แต่เป็น “Functional Drink” ที่แพทย์และนักโภชนาการเริ่มแนะนำให้คนรุ่นใหม่ดื่มเพื่อสุขภาพ gut, สมอง และภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น   ดื่มตอนไหนดีที่สุด?เช้า – เพิ่มพลัง พร้อมคาเฟอีนเล็กน้อย  ก่อนอาหาร – ช่วยดูดซึมวิตามินให้ดียิ่งขึ้น ระหว่างมื้ออาหาร – เสริมการย่อยอาหารแบบธรรมชาติ ก่อนบ่ายสาม – เลี่ยงคาเฟอีนไปกวนการนอน ❝ ถึงไม่มีงานวิจัยที่ฟันธงว่าเวลาดื่มมีผลชัดเจน แต่หลายคนพบว่าอาการท้องอืดลดลง ช่วยขับถ่าย และรู้สึก “เบา” แบบไม่ฝืน ❞  ดื่มคอมบูชาแล้วได้อะไร?  จุลินทรีย์ดี (Probiotics) ที่ช่วยฟื้นฟู microbiome ในลำไส้  ลดน้ำตาลในเลือด – จากการทดลองในผู้ป่วยเบาหวาน  ลดคอเลสเตอรอลและบำรุงตับ – จากการศึกษาในสัตว์  กระตุ้นภูมิคุ้มกัน และลดการอักเสบ  วิตามิน B, C, สังกะสี และพรีไบโอติกส์  ข้อควรรู้ก่อนดื่มห้ามให้เด็กอายุต่ำกว่า 12 ขวบดื่ม ควรเลือกแบรนด์ที่ หมักสะอาด / ผ่านการตรวจสอบคุณภาพ ระวัง แอลกอฮอล์เล็กน้อย (จากการหมัก) และปริมาณคาเฟอีน

Scroll to Top